โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
นางสาวจิราวรรณ สุทธิจิต (นักวิชาการสาธารณสุข)
สาเหตุ
เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคฉี่หนูในปัสสาวะของสัตว์ที่ปนเปื้อนอยู่ในพื้นที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง โดยเชื้อโรคดังกล่าวจะอาศัยอยู่ในหนู วัว ม้า หมู สุนัข โดยเข้าร่างกายได้ทางบาดแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อบุตา เยื่อบุจมูก ทำให้เกิดการทำลาย ตับ ไต กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และหลอดเลือด ทำให้มีเลือดออกเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วไป
อาการ
ระยะแรก (leptospiremic phase) 4 – 7 วันแรกของการดำเนินโรค จะมีอาการ
-
-
-
- ไข้สูงแบบทันทีทันใด
- ปวดศีรษะ สับสน
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง น่องและต้นคอ
- คลื้นไส้ อาเจียน
- มีอาการตาแดง มักพบใน 3 วันแรกของโรค และเป็นอยู่ได้นานถึง 1 สัปดาห์
- ตาเหลือง ตัวเหลือง
- มีอาการคอแข็ง ความดันโลหิตต่ำ ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
- ผื่นแดง ต่อมนาเหลื้องโต ตับ ม้ามโต (อาจพบได้แต่ไม่บ่อย)
-
-
ระยะที่สอง (immune phase) ผู้ป่วยจะเริ่มสร้าง anti-leptospira antibodies (โปรตีนที่เฉพาะต่อเชื้อโรคฉี่หนู)โดยพบหลังจากเริ่มมีอาการไข้ประมาณ 1 สัปดาห์โดยจะมีช่วงที่ไข้ลงประมาณ 1 – 2 วันแล้วกลับมีไข้ขึ้นอีกในระยะนี้ผู้ป่วยมักมีอาการ
-
-
-
- ปวดศีรษะ
- ไข้ต่ำๆ
- คลื่นไส้อาเจียน (อาการมักรนแรงน้อยกวาอาการในช่วงแรก)
- อาจพบอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ม่านตาอักเสบ
- หน้าที่ของตับและไตผิดปกติระยะนี้อาจกินเวลาได้นาน ถึง 30 วัน แต่อาการนี้ไม่ได้เกิดในผู้ป่วยทุกราย ผู้ป่วยอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่มีตาเหลืองและกลุ่มที่ไม่มีตาเหลือง
-
-
ภาพจาก https://1th.me/4rXU
การรักษา
ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ การรักษาโรคประกอบด้วยการให้ยาปฏิชีวนะที่รวดเร็วและเหมาะสม การรักษาตามอาการเพื่อแก้ไขความผิดปกติ และจะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรคได้
การป้องกัน
1. หลีกเลี่ยงการลุยน้ำลุยโคลน
2. ป้องกันไม่ให้บาดแผลสัมผัสถูกน้ำโดยการสวมร้องเท้าบู๊ทยาง
3. รีบล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่แล้วเช็ดให้แห้งโดยเร็วที่สุดเมื่อต้องลุยน้ำย่ำโคลน
4. ผู้ที่ทำงานในสถานที่เสี่ยงต่อโรคให้สวมถุงมือและรองเท้าบู๊ต เป็นต้น
อ้างอิง
-
- https://www.honestdocs.co/symptom-leptospirosis-disease
- https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/contagious-diseases-dangerous-from-the-flood
- http://www.boe.moph.go.th/fact/Leptospirosis.htm
- https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/839_1.pdf